วัคซีนที่คุณแม่ควรได้รับ
เพื่อดูแลลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
การฉีดวัคซีนในช่วงตั้งครรภ์เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่และลูกในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง
ลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ และเพิ่มภูมิคุ้มกันที่จำเป็นตั้งแต่ในครรภ์ มาดูกันว่าวัคซีนที่คุณแม่ควรได้รับมีอะไรบ้าง
พร้อมคำแนะนำที่สำคัญ
วัคซีนที่แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
1. วัคซีนป้องกันบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน
(Tdap)
- ความสำคัญ: ป้องกันไอกรน
ซึ่งอันตรายต่อทารกแรกเกิด
- ช่วงเวลาที่แนะนำ: ฉีดในช่วง
สัปดาห์ที่ 27-36 ของการตั้งครรภ์
- ข้อดี:
ลดโอกาสติดเชื้อไอกรนในทารกแรกเกิด
2. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- ความสำคัญ:
ป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่อาจมีผลต่อพัฒนาการของลูกในครรภ์
- ช่วงเวลาที่แนะนำ: ฉีดได้
ทุกช่วงของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในฤดูกาลระบาด
3. วัคซีน COVID-19
- ความสำคัญ: ลดความเสี่ยงการติดเชื้อและการป่วยรุนแรงจาก
COVID-19
- คำแนะนำ: วัคซีน mRNA เช่น
Pfizer หรือ Moderna เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
4. วัคซีน RSV
- ความสำคัญ: ช่วยให้เด็กมีภูมิคุ้มกันต่อ
RSV
ตั้งแต่แรกเกิด
- คำแนะนำ: ฉีดในช่วงสัปดาห์ที่ 24 – 36
ของการตั้งครรภ์ โดยฉีดห่างจาก Tdap
อย่างน้อย 14 วัน
วัคซีนที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงตั้งครรภ์
วัคซีนบางชนิดอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงวัคซีนชนิดที่มีไวรัสเป็น (Live vaccine) ได้แก่
- วัคซีนป้องกันโรคหัด
- วัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน
- วัคซีนป้องกันคางทูม
- วัคซีนป้องกันอีสุกอีใส
หากคุณแม่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเหล่านี้
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนฉีดหลังคลอด
ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนในช่วงตั้งครรภ์
- เสริม
ภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์
- ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในแม่และลูก
- ป้องกันโรคที่อันตรายและอาจรุนแรงถึงชีวิต
เช่น ไอกรนและไข้หวัดใหญ่
- ช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงตั้งแต่แรกเกิด
เตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนอย่างไรดี?
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวัคซีนที่เหมาะสม
- ตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนก่อนตั้งครรภ์
- รับคำแนะนำเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น