โรคไตเสื่อม: ไม่ใช่แค่เรื่องของการกินเค็ม แต่รวมถึงปัจจัยอื่นที่คุณควรรู้
วันที่เผยแพร่: 22 ธันวาคม 2567
วันที่เผยแพร่: 22 ธันวาคม 2567
รู้จักกับโรคไต
โรคไตเสื่อมคือภาวะที่ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไตมีหน้าที่หลักในการกรองของเสียออกจากเลือดและขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะ การทำงานผิดปกติของไตอาจนำไปสู่การสะสมของเสียในร่างกายจนเกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง
สาเหตุหลักของโรคไต
แม้หลายคนจะเข้าใจว่าโรคไตเกิดจากการกินเค็มเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น
ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดที่ไตเสียหาย ส่งผลต่อการกรองของเสีย
โรคเบาหวาน (Diabetes)
- น้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานทำลายหลอดเลือดเล็ก ๆ ในไต
การดื่มน้ำน้อย
- การดื่มน้ำน้อยทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วและการติดเชื้อ
การใช้ยาบางชนิด
- ยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบบางชนิดหากใช้ในระยะยาวอาจส่งผลต่อการทำงานของไต
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามไปยังไต
อาการของโรคไตเสื่อม
โรคไตในระยะแรกมักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่เมื่อโรคพัฒนา อาจมีอาการดังนี้
ปัสสาวะผิดปกติ
- ปัสสาวะเป็นฟอง หรือมีเลือดปน
- ปริมาณปัสสาวะลดลง
- มีปัสสาวะกลางคืน มากกว่า 2 ครั้ง/คืน
บวม
- บวมที่ขา เท้า และใบหน้า เนื่องจากไตไม่สามารถกำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินได้
อ่อนเพลีย
- รู้สึกเหนื่อยง่ายเนื่องจากการสะสมของเสียในร่างกาย
ปวดหลังหรือเอว
- อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือภาวะไตบวม
- นิ่วในไตหรือทับไต
ความดันโลหิตสูงขึ้น
- เกิดจากไตที่เสียหายส่งผลต่อการควบคุมความดันโลหิตและมีภาวะน้ำและเกลือคั่ง
การวินิจฉัยโรคไต
การตรวจเลือด (Blood Test)
- วัดระดับครีเอตินิน (Creatinine) และค่า GFR (การกรองของไต)
การตรวจปัสสาวะ (Urine Test)
- ตรวจหาปริมาณโปรตีนหรือเลือดในปัสสาวะ
การอัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์
- ตรวจดูขนาดและรูปร่างของไต, นิ่วในไต, ภาวะทับไตบวม, ลูกหมากโต
การตรวจความดันโลหิต
- ประเมินความเสี่ยงจากความดันโลหิตสูง
วิธีการป้องกันโรคไต
ลดการบริโภคเกลือ
- จำกัดปริมาณเกลือ (NaCl) ให้น้อยกว่า 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- จำกัดปริมาณโซเดียม (Na) ให้น้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ควบคุมความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือด
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงและช่วยชะลอการเสื่อมของไต
เลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
- ลดการทำลายหลอดเลือดและเนื้อเยื่อไต
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น
- โดยเฉพาะยาแก้ปวดที่อาจทำลายไตในระยะยาว
- การปรับปริมาณโปรตีนในอาหาร ควรบริโภคโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม
การรักษาโรคไต
การรักษาด้วยยา
- ใช้ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมัน ยาขับปัสสาวะ และยาปรับเกลือแร่ในกรณีที่มีเกลือแร่ผิดปกติ
การบำบัดทดแทนไต
- ในกรณีที่ไตเสื่อมสภาพมาก อาจต้องใช้เครื่องฟอกเลือด หรือฟอกไตทางหน้าท้อง และการปลูกถ่ายไต
โรคไตกับความเข้าใจผิด
หลายคนมักเข้าใจว่าโรคไตเกิดจากการกินเค็มเท่านั้น แต่ในความจริง โรคไตเกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยรวม การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
โรคไตเป็นภัยเงียบที่เริ่มจากพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน การรู้ทันปัจจัยเสี่ยงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยป้องกันโรคไตในระยะยาว สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการใส่ใจดูแลไตของคุณทุกวัน