อายุเท่าไรถึงควรเริ่มกังวลเรื่องการมีลูก?
ในยุคปัจจุบันที่วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป หลายคนมักให้ความสำคัญกับการทำงาน การสร้างฐานะ และการพัฒนาตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัว คำถามที่ตามมาคือ อายุเท่าไรที่ควรเริ่มคิดจริงจังเรื่องการมีลูก และเมื่อไรที่อาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับ ภาวะมีบุตรยาก?
อายุและภาวะเจริญพันธุ์ในแต่ละช่วงอายุ
อายุ 20-30 ปี
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง: ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ผู้หญิงมีภาวะเจริญพันธุ์สูงสุด จำนวนและคุณภาพของไข่ยังคงดี โอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติจึงสูงมากประมาณ 20-25% ในแต่ละรอบเดือนที่มีการตกไข่พของไข่ยังคงดี โอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติจึงสูงมากประมาณ 20-25% ในแต่ละรอบเดือนที่มีการตกไข่
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชาย: ผู้ชายในช่วงนี้มักมีคุณภาพของอสุจิที่ดีที่สุด ความสามารถในการผลิตอสุจิสูง และจำนวนอสุจิอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์
อายุ 30-35 ปี
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง: แม้ว่าในช่วงนี้ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ แต่การตกไข่เริ่มลดลง และโอกาสในการตั้งครรภ์ในแต่ละเดือนจะลดลงไปถึง 15-20% การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการกระตุ้นไข่เริ่มเป็นทางเลือกที่หลายคู่รักเลือกใช้หากต้องการมีบุตร
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชาย: แม้ว่าผู้ชายในช่วงนี้ยังคงสามารถผลิตอสุจิได้ดี แต่คุณภาพของอสุจิเริ่มลดลงเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของอสุจิอาจลดลง ทำให้การปฏิสนธิมีความยากลำบากขึ้น
อายุ 35-40 ปี
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง: เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ผู้หญิงจะเริ่มมีการลดลงอย่างชัดเจนทั้งในเรื่องของจำนวนไข่และคุณภาพไข่ โอกาสการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในช่วงนี้ลดลงเหลือประมาณ 10-15% ต่อรอบเดือน ผู้หญิงในช่วงนี้มักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือการแท้งบุตร
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชาย: การลดลงของคุณภาพอสุจิเริ่มชัดเจนมากขึ้นในช่วงนี้ ทั้งในแง่ของการเคลื่อนไหวที่น้อยลง และอาจพบความผิดปกติทางพันธุกรรมในอสุจิมากขึ้น
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง: อายุ 40 ปีถือว่าเป็นจุดที่การมีลูกตามธรรมชาติมีความยากลำบากมากที่สุด คุณภาพไข่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การตั้งครรภ์ตามธรรมชาติยากขึ้น และมีโอกาสตั้งครรภ์ลดลงเหลือประมาณ 5% ต่อรอบเดือน ผู้หญิงในช่วงนี้อาจต้องพิจารณาการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการฝากไข่ล่วงหน้า
ภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชาย: แม้ว่าผู้ชายยังสามารถผลิตอสุจิได้ต่อไป แต่การผลิตอสุจิจะเริ่มลดลงไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ไม่ดีเท่าที่ควร และมีโอกาสสูงขึ้นในการเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม
- หากคุณอายุต่ำกว่า 35 ปีและพยายามมีบุตรมากกว่า 1 ปีแต่ยังไม่สำเร็จ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการเจริญพันธุ์
- หากคุณอายุ 35 ปีขึ้นไปและพยายามมีบุตรนานเกิน 6 เดือนโดยไม่สำเร็จ ควรเข้ารับการตรวจเช็ก ภาวะมีบุตรยาก
หากมีประวัติโรคที่อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือประวัติมีบุตรยากในครอบครัว ควรปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ทางเลือกสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก
หากพบว่ามีปัญหาในการตั้งครรภ์ โรงพยาบาลรักษาผู้มีบุตรยาก สามารถให้คำปรึกษาและแนวทางรักษาที่เหมาะสม เช่น
- การกระตุ้นไข่: ใช้ยาเพื่อช่วยให้ร่างกายตกไข่เป็นปกติ
- การฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI): ช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ
- การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF): เป็นวิธีที่มีโอกาสสำเร็จสูงและช่วยคู่รักที่มีบุตรยากจำนวนมาก
- การฝากไข่: สำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมมีบุตรในปัจจุบัน แต่ต้องการรักษาคุณภาพของไข่เพื่อใช้ในอนาคต
- การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT): ช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัวอ่อนในมดลูก
การดูแลตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืช และโปรตีนจากแหล่งที่ดี
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่หนักเกินไป
- ลดความเครียด โดยการทำสมาธิหรือโยคะ
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนน้อยมีผลต่อฮอร์โมนและภาวะเจริญพันธุ์
- หลีกเลี่ยงสารพิษและมลภาวะ เช่น ควันบุหรี่ หรือสารเคมีที่อาจมีผลต่อระบบสืบพันธุ์
สรุป
อายุเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ ภาวะเจริญพันธุ์ ของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หากคุณมีแผนที่จะมีลูก ควรเริ่มต้นวางแผนล่วงหน้า ดูแลสุขภาพร่างกาย และหากพบปัญหาควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์โดยเร็ว เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตรและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องภาวะมีบุตรยาก ควรเลือก โรงพยาบาลรักษาผู้มีบุตรยาก ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อช่วยให้ฝันของคุณเป็นจริง