ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี?

วันที่เผยแพร่: 25 มีนาคม 2568

หน้าปกบทความ ไข้หวัดใหญ่ อันตรายถึงชีวิต แต่ป้องกันได้

ไข้หวัดใหญ่ อันตรายกว่าที่คิด แต่ละสายพันธุ์ต่างกันยังไง

ไข้หวัดใหญ่ ชื่ออาจจะฟังดูไม่น่ากลัวเท่าโควิด-19 แต่ความจริงแล้วมีความรุนแรงกว่าที่คิด ในช่วงฤดูฝนของปี 2566 นี้ มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในช่วงที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนเก็บตัวในบ้าน ระมัดระวังด้านสุขอนามัย โอกาสแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ก็น้อยลง 

นอกจากนี้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่น้อยลง ทำให้ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังหมุนเวียนอยู่อย่างเบาบาง เมื่อการระบาดของโควิด-19 ลดลง สังคมเข้าสู่สภาวะปกติ ทำให้พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มากขึ้นอย่างชัดเจน ข้อมูลล่าสุดจากกรมควบคุมโรคเผยว่า ปี 2566 คนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ไปแล้วกว่า 200,000 ราย และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง เพราะคนไทยยังไม่มี ‘ภูมิคุ้มกัน’ ไข้หวัดใหญ่ 


อาการไข้หวัดใหญ่กับไข้ธรรมดาต่างกันอย่างไร 

อาการไข้หวัดใหญ่มักมีอุณหภูมิของร่างกาย​​สูงถึง 39 – 40 องศาเซลเซียส ระยะเวลาที่เป็นจะนานและอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่จะระบาดและพบบ่อยช่วงฤดูฝนจนถึงช่วงฤดูหนาว 

ส่วนไข้หวัดธรรมดาจะเป็นได้ตลอดทั้งปี เมื่อมีอาการสามารถกินยาตามอาการร่วมกับการดูแลตัวเองพักผ่อนให้เพียงพออาการก็จะดีขึ้น แต่หากเป็นไข้หวัดใหญ่จำเป็นที่จะต้องมาพบแพทย์เพื่อรับยาต้านไข้หวัดใหญ่ 


ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีลักษณะอย่างไร? 

1. การกลายพันธุ์ และการแพร่กระจายของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

การกลายพันธุ์ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์A มีความสามารถในการกลายพันธุ์สูง โดยเฉพาะในส่วนของโปรตีน Hemagglutinin (HA) และโปรตีน Neuraminidase (NA) ซึ่งทำให้ไวรัสสามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และการติดเชื้อก่อนหน้าได้ ซึ่งการกลายพันธุ์นี้อาจนำไปสู่การระบาดใหญ่ (Pandemic) ได้ 

การแพร่กระจาย สายพันธุ์ A สามารถแพร่กระจายได้ทั้งใน คน และสัตว์ เช่น นก หมู ผ่านสารคัดหลั่ง เช่น เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ด้วยการ ไอ หรือจาม ในระยะใกล้ชิด รวมไปถึงติดจากมือ และสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้ทางจมูก และตา เป็นต้น 


2. ความรุนแรงของการระบาด 

เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์A มีความสามารถในการกลายพันธุ์ และแพร่กระจายเชื้อได้ค่อนข้างสูง จึงนำไปสู่การระบาดใหญ่ได้ ตัวอย่างเช่น การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 (ไข้หวัดหมู) ในปี 2009 


3. กลุ่มเป้าหมายของการติดเชื้อ

ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์A สามารถติดเชื้อได้ทั้งใน คน และสัตว์ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ อีกทั้งยังมีโอกาสในการข้ามสายพันธุ์ และเกิดการระบาดใหม่ได้สูง 


ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ Bมีลักษณะอย่างไร?  

  • การกลายพันธุ์ และการแพร่กระจาย 

การกลายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มีอัตราการกลายพันธุ์ที่ต่ำกว่า ทำให้มีความคงที่มากกว่าในแง่ของสายพันธุ์ และประสิทธิภาพของวัคซีน 

การแพร่กระจายไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มีการแพร่กระจายจาก คนสู่คน เท่านั้น และมักจะเกิดการระบาดในระดับท้องถิ่น 

  • ความรุนแรงของการระบาด 

สามารถพบเชื้อได้ตลอดทั้งปี โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นมากในช่วงฤดูหนาว ซึ่งการระบาดของสายพันธุ์ B มักจะเป็นพื้นที่ระดับภูมิภาค ที่ไม่ได้จำกัดในครัวเรือน หรือชุมชน แต่ขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างขึ้น เช่น จังหวัด ภาค เป็นต้น และมีความรุนแรงน้อยกว่า โดยทั่วไปมีความรุนแรงต่ำกว่า มีโอกาสเกิดการระบาดใหญ่น้อยกว่า 

  • กลุ่มเป้าหมายของการติดเชื้อ 

ไวรัสสายพันธุ์ B ติดเชื้อเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น ไม่สามารถข้ามสายพันธุ์ไปยังสัตว์ได้ 


สรุป ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ไหนรุนแรงที่สุด ?  

ลักษณะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
ความหลากหลายทางพันธุกรรมสูงต่ำ
ความรุนแรงสูงต่ำ
การแพร่ระบาดวงกว้างวงแคบ

ลักษณะโรคไข้หวัดใหญ่ 

เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยมีลักษณะทางคลินิกที่สำคัญคือ มีไข้สูงแบบทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สำคัญที่สุดโรคหนึ่งในกลุ่มโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และโรคติดเชื้ออุบัติซ้ำ เนื่องจากเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก (pandemic) มาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเกือบทุกทวีป ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตนับล้านคน 


สาเหตุการเกิดไข้หวัดใหญ่ 

  • เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ซึ่งมี 3 ชนิด (type) คือ A, B และ C ไวรัสชนิด A เป็นชนิดที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก ไวรัสชนิด B ทำให้เกิดการระบาดในพื้นที่ระดับภูมิภาค ส่วนชนิด C มักเป็นการติดเชื้อที่แสดงอาการอย่างอ่อนหรือไม่แสดงอาการ และไม่ทำให้เกิดการระบาด 
  • เชื้อไวรัสชนิด A แบ่งเป็นชนิดย่อย (subtype) ตามความแตกต่างของโปรตีนของไวรัสที่เรียกว่า hemagglutinin (H) และ neuraminidase (N) ชนิดย่อยของไวรัส A ที่พบว่าเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในคนที่พบในปัจจุบันได้แก่ A(H1N1), A(H1N2), A(H3N2), A(H5N1) และ A(H9N2) ส่วนไวรัสชนิด B ไม่มีแบ่งเป็นชนิดย่อย 
  • เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีจีโนมเป็น RNA แยกเป็น 7-8 ชิ้น ทำให้จีโนมมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้ค่อนข้างบ่อย เรียกว่า genetic variation การเปลี่ยนแปลงจีโนมทำให้แอนติเจนซึ่งเป็นผลผลิตของยีนส์เปลี่ยนแปลงไปด้วย คือมี antigenic variation ซึ่งมี 2 แบบคือ 
    • Antigenic drift เป็นการเปลี่ยนแปลงแอนติเจนเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเกิด RNA point mutation ทำให้ amino acid เพียงหนึ่งหรือมากกว่านั้นเปลี่ยนไป แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ H หรือ N เปลี่ยนไป antigenic drift ทำให้เกิดการระบาดในวงไม่กว้างนัก 
    • Antigenic shift เกิดขึ้นจากขบวนการ Gene Reassortant คือการที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A 2 สายพันธุ์เกิดการติดเชื้อในเซลล์หนึ่งเซลล์ มีการนำจีโนมจากไวรัสสายพันธุ์หนึ่งไปใส่ในอนุภาคของไวรัสอีกสายพันธุ์หนึ่งในเซลล์เดียวกัน ทำให้เกิดอนุภาคของไวรัสชนิดใหม่ ซึ่งแอนติเจนเปลี่ยนไปจนทำให้ H หรือ N เปลี่ยนไปจนเกิดชนิดย่อย (subtype) ใหม่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ (pandemic) มาแล้วในอดีต 
  • ปัจจุบันสามารถพบ hemagglutinin (H) ที่แตกต่างกันถึง 15 ชนิด และ neuraminidase (N) 9 ชนิดของไวรัสชนิด A แต่มีเพียง H1N1 และ H3N2 ที่พบติดเชื้อในคนบ่อย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของแอนติเจนที่เกิดได้บ่อยทำให้มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นต่างสถานที่และต่างระยะเวลา ดังนั้นจึงต้องมีระบบการเรียกชื่อเพื่อป้องกันความสับสน คณะผู้เชี่ยวชาญได้กำหนดให้เรียกชื่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามหลักสากลทั่วโลกดังนี้ ชนิดไวรัส/ชื่อเมืองหรือประเทศที่พบเชื้อ/ลำดับสายพันธุ์ที่พบในปีนั้น/ปี ค.ศ.ที่แยกเชื้อได้/ชนิดย่อยของ H และ N เช่น A/Sydney/5/97(H3N2), A/Victoria/3/75/(H3N2) 
  • การศึกษาด้านนิเวศวิทยาบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกำเนิดมาจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ของสัตว์ตระกูลนก (avian influenza virus) สัตว์นกน้ำ (aquatic bird) เป็นแหล่งรังโรค (reservoir) เชื้อไวรัสสามารถแบ่งตัวได้ในลำไส้ของสัตว์ประเภทเป็ดป่า (wild duck) โดยไม่ทำให้สัตว์เกิดอาการ สัตว์เหล่านี้ขับถ่ายเชื้อไวรัสจำนวนมากออกมาพร้อมอุจจาระ ในแต่ละปีจะมีลูกนกเป็ดน้ำจำนวนมากเกิดขึ้นทั่วโลกลูกนกเหล่านี้ได้รับเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำ เมื่อลูกนกเป็ดน้ำโตขึ้นก็จะย้ายถิ่นและแพร่กระ จายเชื้อไวรัสไปอย่างกว้างขวาง 
  • การระบาดของ avian influenza บนเกาะฮ่องกงในปี พ.ศ.2540 ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส H5N1 บ่งชี้ว่าเชื้อแพร่กระจายจากนกที่อยู่ตามชายฝั่ง (shorebird) ไปสู่เป็ดโดยการปนเปื้อนของอุจจาระ จากนั้นแพร่ไปสู่ไก่และปักหลักอยู่ในตลาดขังสัตว์ปีกมีชีวิต (live bird market) นกที่อยู่ตามชายฝั่งและเป็ดไม่เป็นโรคเพราะเป็นแหล่งเก็บเชื้อโดยธรรมชาติ ส่วนไก่เป็นโรคติดเชื้อรุนแรงและตายมาก คนติดเชื้อมาจากไก่ทางอุจจาระที่ปนเปื้อน (fecal oral) เชื้อไวรัสที่ผ่านสัตว์มาหลายเผ่าพันธุ์จะมีฤทธิ์ก่อโรคได้สูงในไก่และคน การผสมกัน (reassortment) ระหว่างไวรัสต่างเผ่าพันธุ์ (species) เกิดขึ้นได้ง่ายอาจทำให้เพิ่มชนิดย่อยใหม่ที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในคนได้ มีการศึกษาว่าการใช้อุจจาระเป็ดไปเลี้ยงปลาจะนำไปสู่การแพร่เชื้อไวรัส avian influenza ไปสู่หมู เชื้ออาจแพร่ไปในอาหารและซากนกที่นำไปเลี้ยงหมู 


วิธีการติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่ 

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดต่อทางการหายใจ โดยจะได้รับเชื้อที่ออกมาปนเปื้อนอยู่ในอากาศเมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูด ในพื้นที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เช่น โรงเรียน โรงงาน การแพร่เชื้อจะเกิดได้มาก นอกจากนี้การแพร่เชื้ออาจเกิดโดยการสัมผัสฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย (droplet transmission) จากมือที่สัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แล้วใช้มือสัมผัสที่จมูกและปาก 


อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ 

อาการจะเริ่มหลังได้รับเชื้อ 1-4 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้แบบทันทีทันใด (ในผู้ใหญ่ ส่วนในเด็กมักจะสูงกว่านี้) ปวศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก และอาจพบอาการคัดจมูก เจ็บคอ ถ้าป่วยเป็นระยะเวลานานอาจจะมีอาการไอจากหลอดลมอักเสบ (post viral bronchitis) อาการจะรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา (common cold) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่มีบางรายที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ปอดบวม ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ ผู้ที่เสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิต ได้แก่ 

  • หญิงมีครรภ์ 
  • เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 
  • บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย  มะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ติดเชื้อเอชไอวี 
  • ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร 


    กลุ่มที่ต้องระวังการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นพิเศษ คือ กลุ่มผู้สูงอายุ เพราะมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว โรคแทรกซ้อนที่อาจจะตามมา และทำให้เกิดความรุนแรงสูงเป็นอันดับหนึ่ง คือ ‘ปอดอักเสบ’ ตามมาด้วย โรคหัวใจวาย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) 

    เปรียบเทียบความแตกต่าง ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา 
อาการไข้หวัดใหญ่ อาการไข้หวัดธรรมดา 
ไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส มีไข้
ปวดศีรษะ ปวดศีรษะ 
ปวดกล้ามเนื้อและอ่อนเพลียมาก เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย 
อาการปวดท้องและปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล 
ไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล (อาการมักรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา) อาจมีปัญหาระบบทางเดินอาหารได้ 
คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร 



ไข้หวัดใหญ่มีอาการกี่วัน 

ไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสละอองฝอยจากการไอและการจามของผู้ป่วย เชื้อไวรัสจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก และน้ำลาย โดยผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-4 วันระยะติดต่อ 

ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีอาการและจะแพร่เชื้อต่อไปอีก 3-5 วันหลังมีอาการในผู้ใหญ่ ส่วนในเด็กอาจแพร่เชื้อได้นานกว่า 7 วัน ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แต่ไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อในช่วงเวลานั้นได้เช่นกัน 


การวินิจฉัยแยกโรคไข้หวัดใหญ่ 

การวินิจฉัยแยกโรคไข้หวัดใหญ่จากเชื้ออื่นโดยอาศัยลักษณะทางคลินิกอย่างเดียวทำได้ยาก เชื้ออื่นๆที่ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ Mycoplasma Pneumoniae, Adenovirus, Respiratory Syncytial Virus (RSV), Rhinovirus, Parainfluenza Virus, และ Legionella spp.


การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค  

ตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในเสมหะที่ป้ายหรือดูดจากจมูกหรือลำคอ หรือ 

ตรวจพบแอนติเจนของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ใน Epithelial cell จาก Nasopharyngeal secretion โดยวิธี Fluorescent Antibody หรือ 

ตรวจพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อในซีรั่มอย่างน้อย 4 เท่าในระยะเฉียบพลันและระยะพักฟื้น โดยวิธี Hemagglutination Inhibition (HI) ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน หรือ Complement Fixation (CF) หรือ Enzyme - linked immunosorbent assay (ELISA) 


การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ 

  • การให้ยาต้านไวรัส Amantadine Hydrochloride หรือยา Rimantadine Hydrochloride 
     ภายใน 48 ชั่วโมง นาน 3-5 วัน จะช่วยลดอาการและจำนวนเชื้อไวรัสชนิด A ในสารคัดหลั่งที่ทางเดินหายใจได้ ขนาดยาที่ใช้ในเด็กอายุ 1-9 ปี ให้ขนาด 5 มก./กก./วัน แบ่งให้ 2 ครั้ง สำหรับผู้ป่วยอายุ 9 ปีขึ้นไปให้ขนาด 100 มก. วันละ 2 ครั้ง (แต่ถ้าผู้ป่วยน้ำหนักน้อยกว่า 45 กก. ให้ใช้ขนาดเดียวกับเด็กอายุ 1-9 ปี) นาน 2-5 วัน สำหรับผู้ป่วยอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่การทำงานของตับและไตผิดปกติ ต้องลดขนาดยาลง 
  • ในช่วงหลังๆ ของการรักษาด้วยยาต้านไวรัส อาจพบการดื้อยาตามด้วยการแพร่โรคไปยังคนอื่นได้ กรณีนี้อาจต้องให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้เสี่ยงโรคสูงที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ถ้ามีอาการแทรกซ้อนจากเชื้อแบคทีเรียต้องให้ยาปฏิชีวนะด้วย และควรหลีกเลี่ยงยาลดไข้พวก salicylates เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค Reye's syndrome 

การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดความรุนแรงของอาการและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาการของโรคไข้หวัดใหญ่และ COVID-19 มีความคล้ายคลึงกัน การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดและป้องกันความสับสนระหว่างโรคทั้งสองนี้ การรับวัคซีนทั้ง COVID-19 และไข้หวัดใหญ่ในเวลาเดียวกันนั้นทำได้ สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ไข่ขาวสามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ 

การป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 

เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% สุขอนามัยที่ดีสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

  • ล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ 
  • ไม่สัมผัสตา จมูก และปาก 
  • เมื่อจะจามหรือไอ ควรจามหรือไอใส่ข้อศอกหรือกระดาษทิชชู่ และล้างมือทุกครั้ง 
  • ทำความสะอาดโทรศัพท์หรือพื้นผิวของสิ่งของที่สัมผัสบ่อย 
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด หลีกเลี่ยง ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 


การดูแลตัวเองที่บ้าน 

  • ดื่มน้ำมาก ๆ เช่น น้ำผลไม้ น้ำเปล่า หรือซุปอุ่น ๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ 
  • พักผ่อนและนอนหลับเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น 
  • รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ เช่น อาการปวดหัวและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่ควรใช้แอสไพรินในเด็กหรือวัยรุ่น เนื่องจากความเสี่ยงของโรคเรย์ (Reye’s disease) 

ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี ? 

เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ ในการผลิตวัคซีนแต่ละปีจึงมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน และเนื่องจากระยะก่อโรคสั้น จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมในการป้องกันโรค  

สาเหตุเพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อยๆ การผลิตวัคซีนแต่ละปีจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัส เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุและร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคประมาณ 1 ปี จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี เพื่อจะได้ป้องกันได้อย่างต่อเนื่องและให้ร่างกายได้สร้างภูมิคุ้มกันและปรับให้เหมาะสมกับเชื้อไวรัสในแต่ละปีด้วยเช่นกัน 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคประมาณ 70 - 90% แต่ในผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิต้านทาร่างกายไม่แข็งแรง การตอบสนองต่อวัคซีนอาจลดลง อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีประโยชน์ในการลดความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อน โอกาสที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตลงได้ 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงเปลี่ยนฤดูกาลก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรค สำหรับประเทศไทยจะแพร่ระบาดมากในช่วงฤดูฝน (ระหว่างเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม) และฤดูหนาว (ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม) 

ข้อมูลโดย
พญ.ชนาภา ภัทรฐิตินันท์
พญ.ชนาภา ภัทรฐิตินันท์
แพทย์เฉพาะทางชำนาญการด้าน
อายุรศาสตร์
แพทย์ประจำแผนก อายุรกรรม
นพ.พิทวัส แซ่ซือ
นพ.พิทวัส แซ่ซือ
อายุรศาสตร์
นพ.พงศกร บุรพัฒน์
นพ.พงศกร บุรพัฒน์
อายุรแพทย์ อนุสาขาอายุรศาสตร์
นพ.อรรณพ บุญยอด
นพ.อรรณพ บุญยอด
อายุรศาสตร์
พญ.ธนันดา ตระการวนิช
พญ.ธนันดา ตระการวนิช
อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคไต
นพ.พันเลิศ ตันยากุล
นพ.พันเลิศ ตันยากุล
อายุรศาสตร์โรคเลือด
พญ.ชนาภา ภัทรฐิตินันท์
พญ.ชนาภา ภัทรฐิตินันท์
อายุรศาสตร์
พญ.อภิสรา ไกรลาศรัตนศิริ
พญ.อภิสรา ไกรลาศรัตนศิริ
อายุรศาสตร์
รศ.นพ. พรเทพ อังศุวัชรากร
รศ.นพ. พรเทพ อังศุวัชรากร
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร

บทความทางการแพทย์

Title Line
หน้าปกบทความ ไตวายเฉียบพลัน VS ไตวายเรื้อรัง: เข้าใจง่ายในหนึ่งนาที
อายุรกรรม
ไตวายเฉียบพลัน vs ไตวายเรื้อรัง เข้าใจง่ายในหนึ่งนาที

รู้ทันความแตกต่างของไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรัง ทั้งสาเหตุ อาการ การรักษา และแนวทางการฟื้นตัว ที่สรุปมาให้อ่าน สามารถเข้าใจง่ายใน 1 นาที

สาขากรุงเทพมหานคร ราชพฤกษ์
รูปปกบทความ ตรวจให้ไว ป้องกันได้ ห่างไกลมะเร็งปากมดลูก
สูตินรีเวช
เช็กให้ไว มะเร็งปากมดลูก ป้องกันได้ อย่าปล่อยให้เสี่่ยง

"ป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วยการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ พร้อมรับคำแนะนำในการป้องกันและดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิงทุกคน"

สาขากรุงเทพมหานคร ราชพฤกษ์
รูปหน้าปกบทความ ไมโครพลาสติกจากแม่สู่ทารกในครรภ์
สูตินรีเวช
ไมโครพลาสติกจากแม่สู่ทารกในครรภ์

รู้จักภัยเงียบของไมโครพลาสติกที่ส่งผ่านจากแม่สู่ทารกในครรภ์ เสี่ยงกระทบพัฒนาการ สมอง ฮอร์โมน และภูมิคุ้มกัน พร้อมวิธีลดความเสี่ยงง่ายๆ เพื่อสุขภาพแม่และลูกน้อย

สาขากรุงเทพมหานคร ราชพฤกษ์
facebook messenger iconline icon