การดูแลสุขภาพเท้าสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ปัญหาสุขภาพเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมักมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและหลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้เกิดความผิดปกติบริเวณเท้า ดังนี้
ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียหาย
ผู้ป่วยจะไม่สามารถรับความรู้สึกเจ็บ ปวด หรือร้อนที่เท้าได้ตามปกติ ทำให้ไม่รู้ตัวเมื่อเกิดบาดแผล
- ระบบประสาทสั่งการกล้ามเนื้อในเท้าเสียหาย
ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เท้าเสียสมดุล เกิดแรงกดทับเฉพาะจุด จนเกิดแผล
- ระบบประสาทอัตโนมัติเสียหาย
ทำให้ผิวเท้าแห้ง แตก และเป็นแผลง่าย
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เท้า
- เพศชาย
- อายุที่มากขึ้น
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน
- ประวัติแผลที่เท้า
- สูบบุหรี่
- การใช้รองเท้าไม่เหมาะสม
วิธีการตรวจเท้าอย่างละเอียด
ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจสุขภาพเท้าโดยแพทย์เฉพาะทางหรือพยาบาลเฉพาะทางด้านเท้าอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ตรวจประเมินลักษณะทั่วไปของเท้า เช่น การบวม แผลพุพอง ผิวหนังแห้ง และเล็บผิดปกติ
- ตรวจประเมินการสูญเสียความรู้สึก
ใช้เครื่องมือ Monofilament ขนาด 5.07 ตรวจความรู้สึกที่ปลายเท้า
- ตรวจ ABI (Ankle Brachial Index)
ใช้ประเมินการไหลเวียนของเลือดบริเวณเท้า
- วัดขนาดของเท้า
เพื่อประเมินความเหมาะสมของการใช้รองเท้า
วิธีการดูแลเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันหลอดเลือดส่วนปลายเสื่อม
- ทำความสะอาดเท้าทุกวัน โดยใช้สบู่อ่อนและเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะซอกนิ้วเท้า
- สำรวจเท้าและเล็บเท้าทุกวัน เพื่อหาบาดแผล รอยแตก หรือรอยช้ำ
- ใช้ครีมหรือน้ำมันบำรุงผิวเท้า เพื่อป้องกันความแห้งแตกของผิว
- อาการเท้าเย็นในเวลากลางคืน ควรห่มผ้าหรือใส่ถุงเท้า อย่าใช้น้ำร้อนหรือแผ่นร้อนประคบ
- เลือกรองเท้าที่เหมาะสม สวมสบาย ไม่บีบแน่น และควรสวมถุงเท้าทุกครั้ง
การออกกำลังกายเท้า
วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่ปลายเท้า ควรทำวันละ 2–3 ครั้ง ครั้งละ 5–10 นาที
ท่าบริหาร 5 ท่าง่าย ๆ
1. กระดกข้อเท้าขึ้นและลงช้า ๆ
2. หมุนข้อเท้าเป็นวงกลมช้า ๆ
3. ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู๋บนพื้น เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆในเท้า
4. นั่งยกขาขึ้น เหยียดเข่าตึงและกระดกข้อเท้าขึ้นค้าไว้ นับ 1-6 ในใจ ถือเป็น 1 ครั้ง
5. ส้นเท้าวางพื้น กระดกปลายเท้าขึ้นและหมุนปลายเท้าเป็นวงกลม