คำแนะนำเรื่อง อาหารเบาหวาน
วันที่เผยแพร่: 24 ตุลาคม 2568
วันที่เผยแพร่: 24 ตุลาคม 2568

คำแนะนำเรื่อง อาหารเบาหวาน (Patient instructions for treating DM with diet therapy)
1. ข้อมูลเบื้องต้น (General Information)
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติในการหลั่งอินซูลินหรือในการออกฤทธิ์ของอินซูลิน หรือทั้งสองอย่าง
ทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารไปเป็นพลังงานได้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าปกติ
การวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่
โดยตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าวัดขณะอดอาหารได้ค่าตั้งแต่ ≥ 200 มก./ดล.
หรือค่าตรวจน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง มีค่าตั้งแต่ ≥ 126 มก./ดล.
วินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคเบาหวาน อีกทั้งผลเฉลี่ยสะสม HbA1c > 7%
เป้าหมายของการควบคุมโรคเบาหวาน
- ความดันโลหิตต่ำกว่า 130/80 มม.ปรอท
- ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร ต่ำกว่า 200 มก./ดล.
- ระดับคอเลสเตอรอลเลว (LDL-C) ต่ำกว่า 100 มก./ดล.
- ระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL-C) สูงกว่า 40 มก./ดล.
- ระดับไตรกลีเซอไรด์ ต่ำกว่า 150 มก./ดล.
- ควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดให้ได้ค่า HbA1c ต่ำกว่า 7%
2. การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย/ผู้ที่มีความเสี่ยง (Instruction for Patient / High-risk Group)
การเลือกบริโภคอาหาร
กลุ่มที่ 1 ข้าว-แป้ง
รับประทานข้าวเป็นหลัก เช่น ข้าวสวย ข้าวกล้อง ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ แป้งต่าง ๆ
อาหารในกลุ่มนี้รับประทานได้วันละ 2–3 ส่วน เช่น ข้าว 2 ทัพพี, ขนมปัง 2 แผ่น, ขนมจีน 2 จับ, บะหมี่ 1 ก้อน
หมายเหตุ: ถ้าเลือกบริโภคข้าวหรือธัญพืชที่ไม่ขัดสี จะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
กลุ่มที่ 2 ผัก
ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานผักให้มากขึ้นในทุกมื้ออาหารและรับประทานได้ตามต้องการ แต่ควรหลีกเลี่ยงผักประเภทหัว
เช่น ฟักทอง แครอท มันฝรั่ง เพราะในผักประเภทหัวจะมีแป้งมาก
ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานผักวันละ 3–4 ส่วน ทั้งผักสุกและผักดิบ
กลุ่มที่ 3 ผลไม้
ผลไม้ทุกชนิดมีน้ำตาล ควรรับประทานในปริมาณพอเหมาะเท่านั้น ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้
ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกบริโภคผลไม้วันละ 1 ส่วนต่อมื้อ วันละ 2–3 ครั้งหลังมื้ออาหาร
ผลไม้ที่เหมาะได้แก่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่ ส้มโอ สาลี่ แตงโม มะละกอ
ควรหลีกเลี่ยง ผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วงสุก เงาะ ลองกอง และกล้วยน้ำว้า
กลุ่มที่ 4 โปรตีน
ผู้ป่วยควรได้รับโปรตีนวันละ 4 ส่วน โดยเลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
เช่น เนื้อปลา ไก่ไม่ติดหนัง หมูไม่ติดมัน เต้าหู้ หรือไข่วันละ 2 ฟอง
กลุ่มที่ 5 ไขมัน
ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด
แทนน้ำมันหมูในการปรุงอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด แป้งอบที่มีเนยมาก และอาหารที่มีไขมันเป็นประจำ
หลักการเลือกบริโภคอาหาร
ในแต่ละวัน เลือกให้หลากหลายจากอาหาร 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน
ผู้เป็นเบาหวานประเภท 2 อาจปรับเปลี่ยนวิธีการกินเป็น 3 มื้อหลัก และมื้อย่อยอีก 2–3 มื้อ
โดยปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหาร
เลือกบริโภคอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ไขมัน และคอเลสเตอรอล ได้แก่
ผัก ผลไม้หวานน้อย ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน รับประทานปลาสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง
หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด
ควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ อย่ากินเกินจนรู้สึกอิ่มจัด
3. การป้องกันไม่ให้เกิดโรค (Disease Prevention)
3.1 งดการสูบบุหรี่
3.2 ลดความอ้วน
3.3 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
3.4 ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3.5 ควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
3.6 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
4. ข้อควรระวัง (Precaution)
ผู้เป็นเบาหวานควรกินอาหารให้เป็นเวลา สม่ำเสมอทุกวัน
ห้ามงดหรือขาดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะการงดอาหารบางมื้อจะทำให้หิวจัด
และกินมื้อต่อไปในปริมาณมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยากขึ้น
หากมีข้อสงสัยหรือข้อซักถาม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
นักกำหนดอาหาร โรงพยาบาลศรีสวรรค์
หมายเลขโทรศัพท์: 056-311626

