ผู้หญิงวัย 40–60 ปี ควรตรวจสุขภาพอะไรบ้าง?
วันที่เผยแพร่: 8 ธันวาคม 2568
วันที่เผยแพร่: 8 ธันวาคม 2568

ผู้หญิงวัย 40–60 ปี ควรตรวจอะไรบ้างช่วงวัย 40–60 ปีถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้านสุขภาพของผู้หญิงอย่างแท้จริง เป็นวัยที่ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งระดับฮอร์โมน การเผาผลาญ ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง โรคหัวใจ และมะเร็งในสตรีที่พบบ่อยมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้หญิงในวัยนี้ยังต้องเผชิญกับภาวะหมดประจำเดือน ทำให้ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การตรวจสุขภาพประจำปีจึงไม่ได้เป็นเพียงการ “เช็กสุขภาพ” เท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้นและวางแผนป้องกันโรคอย่างเป็นระบบ บทความนี้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับรายการตรวจที่ผู้หญิงวัย 40–60 ปีควรได้รับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายในผู้หญิงวัย 40–60 ปี
1.1 การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน เมื่อเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป รังไข่เริ่มผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลกระทบหลายด้าน เช่น
- รอบเดือนเริ่มผิดปกติ
- อารมณ์แปรปรวน
- ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง
- ไขมันสะสมตามช่องท้องมากขึ้น
- ผิวแห้งและผมร่วงง่าย
- กระดูกบางลงอย่างรวดเร็วในช่วงหลังหมดประจำเดือน
1.2 ความเสี่ยงโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น ผู้หญิงช่วงอายุ 40–60 ปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดโรค
- เบาหวานชนิดที่ 2
- ความดันโลหิตสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคไตเสื่อมระยะแรก
- โรคต้อหินและต้อกระจก
- มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่
- กระดูกพรุนและโรคข้อเสื่อม
โรคเหล่านี้มักไม่มีอาการในระยะแรก การตรวจสุขภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญในการ “ค้นพบก่อนเกิดอันตราย”
![]()
การตรวจสุขภาพพื้นฐานประจำปี
รายการตรวจพื้นฐานช่วยประเมินภาพรวมสุขภาพของผู้หญิงในทุกระบบ ทั้งเลือด ตับ ไต ปอด ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบปัสสาวะ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการคัดกรองโรคที่พบบ่อยในวัยกลางคน
2.1 ตรวจเลือดพื้นฐาน CBC การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดช่วยประเมิน
- ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- ภาวะติดเชื้อ
- ความผิดปกติของเกล็ดเลือด
- โรคเลือดบางชนิด
2.2 ตรวจฮอร์โมนไทรอยด์ (TSH, FT4, FT3)
ความผิดปกติของไทรอยด์พบมากในผู้หญิง โดยเฉพาะวัย 40+ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ
- เหนื่อยง่าย
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
- นอนหลับยาก
- น้ำหนักเพิ่มหรือ ลดผิดปกติ
- ขี้หนาวหรือขี้ร้อนผิดปกติ
หากไม่ได้ตรวจอย่างเป็นระบบอาจวินิจฉัยผิดหรือปล่อยให้เรื้อรังจนส่งผลต่อหัวใจและระบบเผาผลาญ
2.3 เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray) ใช้ประเมินความผิดปกติ เช่น
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ภาวะติดเชื้อในปอด
- ความผิดปกติของหัวใจและกระบังลม
- มะเร็งปอดระยะเริ่มต้น (แม้จะพบได้น้อยในผู้หญิง)
2.4 ตรวจทำงานตับ (LFT)
- ตับเป็นอวัยวะสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากอาหาร ไขมัน ยา และแอลกอฮอล์ การตรวจนี้จะประเมินภาวะ
- ไขมันพอกตับ
- ตับอักเสบ
- ภาวะตับเสื่อมในระยะเริ่มต้น
- การทำงานของเอนไซม์ตับ
2.5 ตรวจปัสสาวะ (UA) สำคัญมากสำหรับผู้หญิง เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะสูงกว่าเพศชาย
การตรวจ UA คัดกรอง
- การติดเชื้อ
- โปรตีนรั่วในปัสสาวะ (อาจบ่งชี้โรคไต)
- นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
- เบาหวานระยะเริ่มต้น
2.6 น้ำตาลในเลือด (FBS / HbA1c) ผู้หญิงวัยกลางคนมีโอกาสเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในผู้ที่
- น้ำหนักเกิน
- มีประวัติครอบครัว
- ชอบทานหวาน
- ออกกำลังกายน้อย
2.7 ไขมันในเลือด (Lipid Profile) ความผิดปกติของไขมันในเลือดสัมพันธ์โดยตรงกับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะเมื่ออายุ 40+ และเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
ผลตรวจที่ควรประเมินได้แก่
- LDL (ไขมันไม่ดี)
- HDL (ไขมันดี)
- Triglyceride
- Total cholesterol
2.8 ตรวจการทำงานของไต (BUN / Creatinine)
โรคไตในระยะแรกมักไม่มีอาการ การตรวจนี้ช่วยป้องกันภาวะไตเรื้อรังที่กำลังเพิ่มขึ้นในประชากรไทย2.9 Ultrasound ช่องท้องส่วนล่าง เป็นการประเมินอวัยวะสำคัญ
- มดลูก
- รังไข่
- กระเพาะปัสสาวะ
- ถุงน้ำรังไข่
- เนื้องอกมดลูก
ในผู้หญิง 40–60 ปีโรคเหล่านี้พบได้บ่อยและมักไม่มีอาการชัดเจนการคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงไทย โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง การคัดกรองจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม3.1 ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ใช้ตรวจจับ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ภาวะหัวใจขาดเลือด
- ความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ
3.2 ตรวจความดันโลหิต ความดันสูงในวัยกลางคนเป็น “ภัยเงียบ” ที่นำไปสู่
- หัวใจวาย
- หลอดเลือดสมองตีบ
- หัวใจโต
3.3 ตรวจคลื่นเสียงหัวใจ (ECHO) กรณีมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยง เช่น
- เหนื่อยง่าย
- ใจสั่น
- เจ็บหน้าอก
- เบาหวาน
- อ้วน
- สูบบุหรี่
ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดู
การตรวจมวลกระดูก (DEXA Scan) เป็นวิธีการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกที่แม่นยำที่สุดในปัจจุบัน โดยใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำเพื่อประเมินปริมาณแร่ธาตุในกระดูกและคัดกรองภาวะกระดูกพรุนหรือกระดูกบางตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นภาวะที่มักไม่แสดงอาการจนเกิดกระดูกหัก การตรวจนี้สามารถประเมินความแข็งแรงของกระดูกได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะที่กระดูกสันหลังส่วนเอวและกระดูกสะโพก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พบการหักบ่อยในผู้หญิงวัยกลางคนและผู้สูงอายุ การตรวจมวลกระดูกเหมาะสำหรับ:
- ผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติกระดูกหักง่าย
- ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
อย่างไรก็ตาม แนวทางสุขภาพปัจจุบันแนะนำว่าผู้หญิงอายุ 30–40 ปีก็ควรตรวจมวลกระดูกเช่นกัน เนื่องจากมวลกระดูกสูงสุดของมนุษย์จะเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 25–30 ปี หลังจากนั้นมวลกระดูกจะค่อย ๆ ลดลงทุกปีโดยที่ไม่รู้ตัว ผู้หญิงวัยทำงานจำนวนมากพบว่ามีมวลกระดูกต่ำกว่ามาตรฐานตั้งแต่อายุน้อย อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น
- การนั่งทำงานเป็นเวลานาน
- การออกกำลังกายไม่เพียงพอ
- การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ
- การดื่มชา-กาแฟเป็นประจำ
- การอดนอน
- การใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด
นอกจากนี้ปัญหาฮอร์โมน เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ PCOS หรือการลดฮอร์โมนจากการออกกำลังกายหนักเกินไป ก็สามารถเร่งให้กระดูกบางเร็วกว่าปกติได้เช่นกัน
การตรวจ DEXA Scan ตั้งแต่อายุ 30–40 ปีจึงเป็นการป้องกันที่สำคัญ เพราะหากตรวจพบว่ามวลกระดูกเริ่มลดลง สามารถวางแผนดูแลและปรับพฤติกรรมได้ทันที เช่นเพิ่มการออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ลดคาเฟอีน และปรับความสมดุลของฮอร์โมน เพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกและลดคัดกรองมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง
การคัดกรองสุขภาพสตรีเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันโรคที่มักพบในผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและโรคตา เช่น ต้อกระจกและต้อหิน ซึ่งล้วนเป็นโรคที่มักเริ่มต้นแบบไม่มีอาการ รู้ตัวอีกทีอาจอยู่ในระยะที่รักษายากกว่าเดิม การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยให้ค้นพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพิ่มโอกาสการรักษาให้ได้ผลดี ลดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้หญิงสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทย และมีแนวโน้มพบได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป การตรวจด้วย Mammogram ร่วมกับ Ultrasound เต้านม ถือเป็นมาตรฐานการคัดกรองที่ให้ความแม่นยำสูง ช่วยตรวจพบก้อนเนื้อหรือหินปูนผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรค แม้ผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการก็ตาม สำหรับผู้หญิงที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม เช่น แม่หรือพี่น้องผู้หญิง ความเสี่ยงจะสูงขึ้น จึงควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอทุกปีเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคในอนาคต นอกจากนี้ ผู้หญิงยังควรตรวจคัดกรองมะเร็งสตรีอื่น ๆ เช่น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ซึ่งสามารถตรวจพบผ่านการตรวจภายใน Pap smear, HPV DNA test และ Ultrasound ช่องท้องน้อยตามคำแนะนำของแพทย์
ตรวจตา ต้อกระจก ต้อหินผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจตาอย่างน้อยปีละครั้ง เนื่องจากโรคทางตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก และ ต้อหิน มักพัฒนาอย่างช้า ๆ โดยไม่มีอาการในระยะเริ่มต้น การตรวจวัดสายตา ตรวจวัดความดันตา และตรวจเส้นประสาทตาเป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับต้อหิน ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจทำลายเส้นประสาทตาอย่างถาวร นอกจากนี้ การตรวจเลนส์ตาด้วยจักษุแพทย์ยังช่วยประเมินว่ามีความขุ่นของเลนส์ตาหรือไม่ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของต้อกระจกที่รักษาได้ง่ายหากตรวจพบเร็วการตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพผู้หญิงในช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป เพราะช่วยให้รักษาได้ทันเวลา ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพหรือวิธีการคัดกรองที่เหมาะสม แพทย์เฉพาะทางสามารถให้คำปรึกษาและวางแผนการดูแลที่ตอบโจทย์ความเสี่ยงเฉพาะบุคคลได้อย่างเหมาะสม










