ปวดหลัง...อาจไม่ใช่เรื่องของกระดูกเสมอไป!

วันที่เผยแพร่: 30 พฤศจิกายน 2568

ปวดหลัง...อาจไม่ใช่เรื่องของกระดูกเสมอไป 2

ปวดหลัง…อาจไม่ใช่เรื่องของกระดูกเสมอไป ทำไมบางครั้ง “นิ่วในถุงน้ำดี” ถึงทำให้ปวดหลังได้?

หนึ่งในโรคที่หลายคนมองข้าม คือ “นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones)” ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณชายโครงขวา กลางหลังด้านขวา
หรือแม้แต่ปวดร้าวไปที่ไหล่ได้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อนว่าเป็นปัญหาของถุงน้ำดี ทำให้การวินิจฉัยเบื้องต้นมักเข้าใจคลาดเคลื่อน
ว่าเป็นปัญหาของกระดูกหรือกล้ามเนื้อ

นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร? ทำไมถึงทำให้ปวดหลังได้

ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะขนาดเล็กที่อยู่ใต้ตับ ทำหน้าที่กักเก็บน้ำดีเพื่อใช้ย่อยไขมัน เมื่อมีการสะสมของตะกอน หรือน้ำดีมีความเข้มข้นผิดปกติ
ก็อาจตกผลึกกลายเป็น “นิ่ว” ซึ่งมีได้หลายชนิด เช่น นิ่วคอเลสเตอรอล นิ่วเม็ดสี หรือก้อนนิ่วที่เกิดจากการอุดตันก้อนนิ่วขยับไปอุดทางเดินน้ำดี
จะทำให้เกิดการบีบตัวอย่างแรงของถุงน้ำดีและท่อน้ำดี

อาการปวดหลังจาก “นิ่วในถุงน้ำดี” เป็นอย่างไร

อาการปวดหลังที่เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีมักมีความแตกต่างจากอาการปวดหลังแบบที่หลายคนคุ้นเคย โดยลักษณะสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่

ปวดตื้อ ๆ ชายโครงขวา หรือกลางหลังด้านขวา

อาการจะเกิดขึ้นเป็นพัก ๆ หรือเป็นนานหลายชั่วโมง และมักเกิดทันทีหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน หรืออาหารมื้อหนักที่ย่อยยาก

ปวดร้าวไปที่ไหล่ขวาหรือสะบัก

บางรายรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อเกร็งตึง แต่ในความจริงเป็นอาการปวดจากถุงน้ำดีอักเสบ

คลื่นไส้ อาเจียน หรือจุกแน่นร่วมด้วย

อาการทางระบบทางเดินอาหารมักเกิดคู่กัน ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของอาการปวดกล้ามเนื้อหลังทั่วไป

ปวดแบบบีบรัดเป็นช่วง ๆ (Biliary Colic)

คล้ายมีอะไรมากดทับ หรือบิด ๆ ในช่องท้องและหลัง อาการปวดมักเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะค่อยๆ บรรเทาลง

อาการไม่ดีขึ้นแม้ได้พัก หรือนวดประคบ

ต่างจากอาการปวดหลังจากการใช้งานกล้ามเนื้อเกิน ซึ่งมักดีขึ้นเมื่อพักหรือนวดเบา ๆ
หากมีอาการลักษณะข้างต้นร่วมกันหลายข้อ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพราะนิ่วในถุงน้ำดี
ไม่ได้เป็นเพียงโรคที่ทำให้ปวด แต่หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่การอักเสบรุนแรง ติดเชื้อ หรือท่อน้ำดีอุดตันได้

โปรแกรมตรวจคัดกรองที่แนะนำ

เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่ถูกต้องและแม่นยำ โรงพยาบาลมักแนะนำให้ตรวจด้วยการผสมผสานหลายวิธี ซึ่งสามารถประเมินได้ทั้ง
ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับ และอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง

1. อัลตราซาวนด์ช่องท้อง (Ultrasound Whole Abdomen)

เป็นการตรวจที่ได้รับความนิยมที่สุดในเบื้องต้น สามารถมองเห็นก้อนนิ่วในถุงน้ำดี การอักเสบ ความผิดปกติของตับ ไต ม้าม และอวัยวะอื่น ๆ
ภายในช่องท้อง

ข้อดี  คือไม่เจ็บ ไม่ต้องงดอาหารเป็นเวลานาน ใช้เวลาไม่นาน เหมาะทั้งสำหรับตรวจเมื่อมีอาการ หรือใช้เป็นการตรวจสุขภาพประจำปี


2. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้อง (CT Abdomen)

เหมาะสำหรับผู้ที่อัลตราซาวนด์เห็นภาพไม่ชัด เช่น ผู้ที่มีแก๊สในลำไส้มาก ผู้มีภาวะอ้วน หรือสงสัยภาวะแทรกซ้อน
CT Scan ให้รายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับขนาดนิ่ว ตำแหน่ง ความรุนแรงของการอักเสบ รวมถึงผลกระทบต่ออวัยวะใกล้เคียง
ทำให้แพทย์ประเมินแนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้อง

ทำไมการตรวจคัดกรองจึงสำคัญ

นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการเป็นเวลานาน แต่เมื่อแสดงอาการแล้ว มักมีอาการปวดรุนแรง และเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น

         •  ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน
         •  ติดเชื้อในทางเดินน้ำดี (Cholangitis)
         •  ท่อน้ำดีอุดตัน
         •  ตับอ่อนอักเสบจากนิ่ว (Gallstone Pancreatitis)

      ทุกภาวะถือว่าอันตรายและต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน การวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงเป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันความเสี่ยง
      และรักษาได้อย่างทันท่วงที

      ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าปกติ

         •  ผู้ที่รับประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ
         •  ผู้หญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป
         •  ผู้ที่มีประวัตินิ่วในครอบครัว
         •  ผู้ที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน
         •  ผู้ที่ลดน้ำหนักรวดเร็ว
         •  ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
         •  ผู้หญิงตั้งครรภ์

          หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรตรวจสุขภาพช่องท้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันก่อนเกิดอาการ


          เมื่อใดควรรีบมาพบแพทย์ทันที

             •  ปวดชายโครงขวารุนแรงมากกว่าปกติ
             •  ปวดนานเกิน 2–6 ชั่วโมง
             •  มีไข้ หนาวสั่น ตัวเหลือง ตาเหลือง
             •  คลื่นไส้และอาเจียนอย่างต่อเนื่อง
             •  อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ

                อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะอันตรายที่ต้องได้รับการรักษาด่วนจากแพทย์เฉพาะทาง


                สรุป: ปวดหลัง ไม่ใช่แปลว่ามาจากกระดูกเสมอไป

                        หลายคนมองว่าอาการปวดหลังมักเกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อ แต่ในความจริงแล้ว อวัยวะภายในช่องท้อง
                เช่น ถุงน้ำดี ก็สามารถส่งสัญญาณผิดปกติกลับมาที่บริเวณหลังได้เช่นกัน โดยเฉพาะนิ่วในถุงน้ำดีที่เป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในคนไทย


                        ดังนั้น หากคุณมีอาการปวดหลังร่วมกับอาการแน่นท้อง หรือปวดหลังหลังกินของมัน ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วย
                อัลตราซาวนด์ช่องท้อง หรือ CT Scan ช่องท้อง เพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงอย่างถูกต้อง ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และรักษาได้ทันเวลา


                        สุขภาพดีเริ่มต้นจากการใส่ใจตัวเอง หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการปวดหลังหรือต้องการตรวจช่องท้อง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์'
                ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมหรือตับและทางเดินน้ำดี เพื่อรับคำแนะนำอย่างเหมาะสมที่สุด

                แพทย์ประจำแผนก กระดูกและข้อ
                นพ.สืบสกุล นางนวล
                นพ.สืบสกุล นางนวล
                อนุสาขาเท้าและข้อเท้า (Foot and Ankle Surgery)
                นพ.สรณ ยะบุญ
                นพ.สรณ ยะบุญ
                เท้าและข้อเท้า (Foot and Ankle Surgery)
                นพ.กิติเดช บุญชัย
                นพ.กิติเดช บุญชัย
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.พุทธิพันธ์ วงศ์ลิมปิยะรัตน์
                นพ.พุทธิพันธ์ วงศ์ลิมปิยะรัตน์
                ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์
                นพ.นราวิชญ์ คณะนัย
                นพ.นราวิชญ์ คณะนัย
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedic Surgery )
                นพ. กิติเดช บุญชัย
                นพ. กิติเดช บุญชัย
                อนุสาขาออร์โธปิดิกส์ศัลยศาสตร์กระดูกสันหลัง (Spine Surgery)
                นพ.อรุษฆ์ นะลำเลียง
                นพ.อรุษฆ์ นะลำเลียง
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.ปวริศร์ พฤฒิถาวร
                นพ.ปวริศร์ พฤฒิถาวร
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.ณธัช เลื่อนตามผล
                นพ.ณธัช เลื่อนตามผล
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.ธีรภัทร วงศ์ศิริวรรณ
                นพ.ธีรภัทร วงศ์ศิริวรรณ
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.ธานี สัจจะบริบูรณ์
                นพ.ธานี สัจจะบริบูรณ์
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedic Surgery )
                นพ.ภัทร มั่งวิทิตกุล
                นพ.ภัทร มั่งวิทิตกุล
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.กมลศิลป์ ตียพันธ์
                นพ.กมลศิลป์ ตียพันธ์
                ออร์โธปิดิกส์ ( Orthopaedics )
                นพ.ปกรณ์กิต เจริญชนิกานต์
                นพ.ปกรณ์กิต เจริญชนิกานต์
                อนุสาขาสะโพกและข้อเข่า (Hip and Knee Surgery)
                นพ.พีรุทย์ พิพัฒน์วัฒนะกุล
                นพ.พีรุทย์ พิพัฒน์วัฒนะกุล
                อนุสาขาอนุสาขาเวชศาสตร์การกีฬา (Sport Medicine)

                บทความทางการแพทย์

                Title Line
                หยุดเพื่อหาสาเหตุการปวดหลัง 02
                กระดูกและข้อ
                หยุดเพื่อหาสาเหตุการปวดหลัง

                การหยุดเพื่อประเมินอาการปวดหลังช่วยให้ระบุสาเหตุได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากท่าทางผิด กล้ามเนื้ออักเสบ หรือใช้งานมากเกินไป เพื่อเลือกวิธีดูแลและป้องกันอาการลุกลามอย่างเหมาะสม

                สาขานครสวรรค์
                โรคกระเพราะอาหารคืออะไร 2
                ทางเดินอาหารและตับ
                โรคกระเพราะอาหารคืออะไร

                โรคกระเพาะอาหาร คือ ภาวะที่เยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดการ อักเสบหรือเป็นแผล มักเกิดจากกรดในกระเพาะที่มีมากเกินไป ร่วมกับปัจจัยกระตุ้น เช่น การ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา

                สาขานครสวรรค์
                kan-okkamlangkai-khong-phupuai-rok-baowan 1
                กายภาพบำบัด
                การออกกำลังกาย...กุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดีของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

                โรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่ต้องอาศัยการจัดการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการควบคุมอาหารและการใช้ยาแล้ว การออกกำลังกาย ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญที่สุด

                สาขานครสวรรค์
                facebook messenger iconline icon
                สาขานครสวรรค์