5 สัญญาณอันตรายของทารกที่พ่อแม่ต้องระวัง
วันที่เผยแพร่: 13 มกราคม 2568
วันที่เผยแพร่: 13 มกราคม 2568
5 สัญญาณอันตรายของทารกที่พ่อแม่ต้องระวัง
เมื่อพูดถึงการเลี้ยงดูทารกแรกเกิด พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญกับการสังเกตสุขภาพและพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกน้อย เนื่องจากปัญหาสุขภาพบางอย่างอาจแสดงออกผ่านสัญญาณที่ไม่ชัดเจนในช่วงแรก หากตรวจพบและแก้ไขได้ทันที จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้ เรามาเจาะลึกในแต่ละสัญญาณอันตรายกันค่ะ
1. การหายใจผิดปกติ
หากพบว่าทารกหายใจเร็ว หายใจมีเสียง หรือมีลักษณะการหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่สำคัญ เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ
สังเกตได้อย่างไร:
- หายใจเร็วมากกว่า 60 ครั้งต่อนาที
- มีเสียงกรน เสียงหวีด หรือการหายใจที่ไม่ราบรื่น
- การหายใจร่วมกับการเขียวคล้ำที่ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
แนวทางการดูแล:
- หากพบอาการเหล่านี้ ควรพาทารกไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการตรวจระบบทางเดินหายใจ
2. ทารกมีไข้สูง
ไข้ในทารกอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นอันตรายโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก เพราะระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรงพอ และมีความจำเป็นต้องหาสาเหตุของไข้รวมถึงการปล่อยให้อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ชักจากไข้ควรทำอย่างไร:
- วัดอุณหภูมิร่างกายด้วยปรอทวัดไข้สำหรับเด็ก หากสูงกว่า 38°C ควรปรึกษาแพทย์
- สังเกตอาการร่วม เช่น อ่อนเพลีย ไม่ดูดนม ซึมเศร้า หรือร้องไห้ไม่หยุด
แนวทางการดูแล:
- หากทารกมีไข้ ควรให้กินยาลดไข้สำหรับเด็ก เช็ดตัวลดไข้ เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย และควรรีบพาทารกไปพบแพทย์
3. ทารกมีอาการผิวหนังซีดหรือคล้ำ
สีผิวของทารกเป็นตัวชี้วัดสุขภาพได้ดี หากผิวซีดหรือคล้ำผิดปกติ อาจเกิดจากการขาดออกซิเจนหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด เช่น ภาวะโลหิตจางหรือโรคหัวใจสังเกตได้อย่างไร:
- ผิวซีดขาวเกินไป หรือคล้ำม่วงที่ริมฝีปาก ปลายนิ้ว
- ทารกดูเหนื่อยง่ายหรือมีการหายใจที่ผิดปกติร่วมด้วย
แนวทางการดูแล:
- พบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและการทำงานของหัวใจ รวมถึงระบบทางเดินหายใจ
4. ทารกอาเจียนหรือท้องเสียปริมาณมาก
อาการอาเจียนหรือท้องเสียเป็นเวลานานอาจทำให้ทารกขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะอันตรายต่อชีวิต การอาเจียนอาจเกิดจากโรคกระเพาะอักเสบ การแพ้นม หรือการติดเชื้อในทางเดินอาหารสังเกตได้อย่างไร:
- อุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ได้แก่ อุจจาระเป็นน้ำปริมาณมาก หรือมีมูกเลือดปน
- อาเจียนรุนแรงหรืออาเจียนทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
- อาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย ซึมลง
แนวทางการดูแล:
- ควรพาไปพบแพทย์
5. ทารกมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เช่น อาการสั่นหรือเกร็งกล้ามเนื้อกระตุก แขนขาขยับไม่เท่ากัน อาจเป็นสัญญาณของภาวะทางระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ เช่น การชัก การติดเชื้อในสมอง หรืออาการทางระบบประสามอื่นๆสังเกตได้อย่างไร:
- มีการสั่นของแขนขาโดยไม่สามารถควบคุมได้
- การเกร็งของกล้ามเนื้อที่ดูผิดธรรมชาติ
- ทารกไม่เคลื่อนไหวตามช่วงเวลาพัฒนาการ เช่น ไม่พลิกตัวในช่วงอายุที่ควรทำได้
แนวทางการดูแล:
- หากมีอาการเหล่านี้ ควรพาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจสอบและวินิจฉัย
สรุป การสังเกต สัญญาณอันตรายของทารก และการพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
หากคุณพบว่าลูกน้อยมีอาการใด ๆ ที่กล่าวถึงในบทความนี้ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกน้อยของคุณจะเติบโตแข็งแรงและสมบูรณ์ในทุกด้าน