ภาวะนอนกรนในเด็ก: สาเหตุและวิธีการดูแลรักษา
วันที่เผยแพร่: 22 ธันวาคม 2567
วันที่เผยแพร่: 22 ธันวาคม 2567
เด็กส่วนใหญ่มีอาการนอนกรนได้บ้างเป็นครั้งคราว เช่น ในขณะเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กำเริบ ถือว่าไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่หากเด็กนอนกรนเสียงดังเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกความเสี่ยงในการมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea Syndrome) ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำลง ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เด็กเมื่อนอนแล้วหายใจไม่ออก จะมีอาการนอนกระสับกระส่าย ตื่นนอนบ่อย ทำให้การนอนหลับตอนกลางคืนไม่มีคุณภาพซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การเรียนรู้ และพัฒนาการของเด็ก
โรคหรือภาวะที่มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะนอนกรนผิดปกติ
- โรคอ้วนในเด็ก ไขมันที่รับประทานเข้าไปจะไปสะสมบริเวณหลอดทางเดินหายใจ
- ภาวะต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โต
- ภาวะจมูกอักเสบเรื้อรังจากภูมิแพ้ เยื่อบุภายในบวมทำให้อุดตันทางเดินหายใจ
- โรคทางสมองและกล้ามเนื้อทำงานไม่ดี มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ
- โครงหน้าผิดปกติ เช่น คางสั้น
- เด็กที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม
อาการที่สังเกตได้ว่าเกิดภาวะนอนกรน
- นอนหายใจเสียงดังเป็นประจำ หายใจสะดุดติดขัด
- นอนดิ้นหรือสะดุ้งตื่นขึ้นมาระหว่างหลับ
- มีท่านอนที่ผิดปกติ เช่น นอนคว่ำ แหงนศีรษะ เชิดคางมากกว่าปกติ
- บางรายอาจปัสสาวะรดที่นอน
- ปวดหัวหรืออ่อนเพลียในตอนเช้า
- มีปัญหาการทานอาหารหรือไม่เจริญอาหาร
- มีปัญหาทางพฤติกรรม เช่น ก้าวร้าว สมาธิสั้น ซนผิดปกติหรือง่วงซึมผิดปกติในเวลากลางวัน
การวินิจฉัย
- การวินิจฉัยประกอบด้วยการซักประวัติและการตรวจร่างกาย
- การเอกซเรย์ทางด้านข้างของศีรษะเพื่อดูต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์
- ในบางรายจำเป็นต้องการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนขณะหลับ หรือตรวจการนอนหลับแบบเต็มรูปแบบ (Sleep test) เป็นการตรวจคุณภาพการนอนหลับเพื่อช่วยยืนยันผลการวินิจฉัย
การรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ
- การตัดต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์ในรายที่มีต่อมโต พบว่าช่วยรักษาการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะหลับได้ถึง 75-100% จึงถือเป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยกลุ่มนี้
- การใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อป้องกันการอุดตันของทางเดินหายใจในขณะหลับ (CPAP หรือ BiPAP) ในผู้ป่วยซึ่งมีการอุดตันของทางเดินหายใจขณะหลับเกิดสาเหตุอื่นๆ หรือ ในผู้ป่วยที่ตัดทอนซิลแล้วยังมีปัญหาหรือ ในรายที่มีปัญหาสุขภาพทางด้านอื่นไม่สามารถผ่าตัดได้
- การรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อปรับแก้ความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้าและทางเดินหายใจส่วนบนที่แคบกว่าปกติ
- การรักษาอาการอื่นๆ ที่อาจเป็นปัจจัยร่วมให้เกิดปัญหาการหายใจที่ผิดปกติขณะหลับเป็นโรคภูมิแพ้,การควบคุมน้ำหนัก
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะนอนกรนชนิดที่มีการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ทำให้มีออกซิเจนในเลือดลดลง ดังที่กล่าวมาแล้ว หากมิได้รับการรักษาหรือแก้ไขอย่างทันท่วงทีจะทำให้เด็ก
- มีสติปัญญาต่ำ
- ระดับการเรียนรู้ต่ำลง
- มีสมาธิสั้น
- Active มากไม่อยู่นิ่ง
- ง่วงนอนในเวลากลางวัน
- ปัสสาวะรดที่นอน
- ความดันโลหิตสูง
- ความดันเลือดในปอดสูง
หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษา อาจจะทำให้เกิดภาวะหัวใจทำงานล้มเหลวได้