CT Scan VS MRI แตกต่างกันยังไง
วันที่เผยแพร่: 31 มกราคม 2568
วันที่เผยแพร่: 31 มกราคม 2568
CT SCAN (Computerized Tomography)
เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ใช้รังสีเอกซ์จากหลอดเอกซเรย์ (X-ray tube) หมุนรอบอวัยวะที่ต้องการตรวจไปยังตัวรับภาพ (Detector) ที่อยู่ตรงข้ามกัน โดยรังสีเอกซ์จะผ่านตัวผู้ป่วยออกมาได้มากหรือน้อยขึ้นกับความหนาแน่นของอวัยวะนั้น ๆ จากนั้นจะแปลงปริมาณรังสีที่ได้ในตัวรับภาพ เป็นสัญญาณไฟฟ้าแล้วสร้างภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์เป็นภาพ 3 มิติของอวัยวะภายในร่างกาย เพื่อวินิจฉัยหาความผิดปกติ โดยจะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงกว่าการเอกซเรย์แบบธรรมดา และสามารถใช้ตรวจอวัยวะภายในร่างกายได้เกือบทุกส่วน
การตรวจวินิจฉัย
• ตรวจวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น การหัก การหลุด
• ตรวจหาการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังต่อมน้ำเหลือง หรืออวัยวะที่ใกล้เคียง
• ตรวจดูการคั่งของเลือดในสมอง ปอด ช่องท้อง อุ้งเชิงกราน และการบาดเจ็บเสียหายของอวัยวะภายใน
• ตรวจหาเนื้องอกในอวัยวะต่าง ๆ ตำแหน่ง และขนาดของเนื้องอก
• ตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดโป่งพอง เส้นเลือดอุดตัน
MRI (Magnetic Resonance Imaging)
เครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า อาศัยคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กของไฮโดรเจนอะตอม (Hydrogen, H) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในร่างกาย คือ โมเลกุลของน้ำ (H2O) เมื่อผู้รับการตรวจเข้าไปอยู่ภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องจะส่งสัญญาณคลื่นวิทยุความถี่จำเพาะ (Radiofrequency) เข้าไปกระตุ้นอวัยวะที่ต้องการตรวจ เมื่ออวัยวะนั้น ๆ ถูกกระตุ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงานตามขบวนการทางฟิสิกส์ ที่เรียกว่า การกำทอน (Resonance) หลังจากหยุดกระตุ้นไฮโดรเจนอะตอมภายในร่างกายมีการคายพลังงาน จะมีอุปกรณ์รับสัญญาณที่ได้ออกมา จากนั้นแปลงเป็นสัญญาณภาพ ใช้ในการตรวจวินิจฉัยรอยโรค
การตรวจวินิจฉัย
ระบบสมองและหลอดเลือด
• ภาวะสมองขาดเลือด เนื้องอกสมอง และความผิดปกติบริเวณก้านสมอง
• โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดในสมองตีบ สมองเสื่อม ปวดศีรษะเรื้อรัง
• การอักเสบติดเชื้อของเนื้อสมองและเยื่อหุ้มสมอง
• ตรวจหาสาเหตุของโรคลมชัก
กระดูกสันหลัง
• ตรวจหาการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง
• เนื้องอกไขสันหลัง
• การติดเชื้อและบาดเจ็บของไขสันหลัง
ระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อ
• ตรวจการฉีกขาดของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ
• ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อ เช่น ข้อเข่า หัวไหล่ ข้อมือ ข้อสะโพก ข้อเท้า
ระบบช่องท้องและอุ้งเชิงกราน
• ตรวจหาเนื้องอก มะเร็ง ความผิดปกติของอวัยวะภายใน เช่น ตับ นิ่วในทางเดินน้ำดี
• ความผิดปกติของมดลูก รังไข่ และต่อมลูกหมาก
ข้อดีของ MRI
• แยกความแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น สมอง ไขสันหลัง เส้นประสาท กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ให้ผลที่มีความแม่นยำและถูกต้องสูง เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยโรค วางแผนการรักษา และติดตามผลการรักษา
• ให้รายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อนได้ชัดเจนกว่าการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
• สามารถตรวจหาสิ่งผิดปกติในร่างกายได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ
• สามารถตรวจเส้นเลือดได้โดยไม่ต้องฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยโรคไตวายจึงสามารถทำการตรวจได้ มีความปลอดภัยสูง
ตารางสรุปเทียบความแตกต่าง
ความแตกต่าง CT Scan MRI หลักการทำงาน ใช้รังสีX-Ray ผ่านตัวผู้ป่วยได้ภาพแบบ 3 มิติ สร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าร่วมกับคลื่นความถี่วิทยุได้ภาพ 3 มิติเสมือนจริง การตรวจวินิจฉัย เหมาะกับกระดูก ปอด การบาดเจ็บของอวัยวะภายใน เนื้องอก หานิ่วในไต เหมาะกับการตรวจเนื้อเยื่อ สมอง เส้นประสาทไขสันหลัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ขั้นตอนการตรวจ ใช้สารทึบรังสีที่มีส่วนประกอบของไอโอดีน เพื่อเพิ่มความชัดเจนของภาพ ไม่จำเป็นต้องฉีดสารทึบรังสีในการตรวจ จำเป็นในบางกรณีเพื่อเพิ่มความชัดของภาพ โดยไม่มีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบ ข้อดี ใช้เระยะวลาตรวจสั้น ใช้เวลาตรวจนานกว่า ข้อจำกัด สามารถตรวจผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือโลหะภายในร่างกายได้ ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดติดอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือโลหะภายในร่างกายบางชนิด