หยุดเพื่อหาสาเหตุการปวดหลัง
วันที่เผยแพร่: 30 พฤศจิกายน 2568
วันที่เผยแพร่: 30 พฤศจิกายน 2568

ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ และความผิดปกติของอวัยวะภายใน: อาการใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
อาการปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ หรืออาการปวดร้าวต่าง ๆ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทุกช่วงวัย บางรายมีสาเหตุจากการใช้งานร่างกายผิดท่า หรือกล้ามเนื้ออักเสบเพียงเล็กน้อย แต่อีกหลายกรณีอาจเกิดจากความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ระบบประสาท หรืออวัยวะภายใน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและรักษาอย่างเหมาะสม บทความนี้จะสรุปสาเหตุที่พบบ่อย แนวทางการคัดกรอง และการดูแลรักษาตามข้อมูลจากโรงพยาบาลศรีสวรรค์
สาเหตุของอาการปวดหลังและกล้ามเนื้อที่พบบ่อย
1. กล้ามเนื้ออักเสบหรือกล้ามเนื้อเกร็ง (Muscle Strain / Sprain)
เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป ยกของหนักผิดท่า หรืออยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน เช่น นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายชั่วโมง ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัว เจ็บ และอักเสบ
อาการที่พบได้
- ปวดตึงบริเวณหลัง คอ หรือไหล่
- ปวดเมื่อเคลื่อนไหว
- คลำแล้วเจ็บเฉพาะจุด
2. หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกดทับเส้นประสาท (Herniated Disc)
เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติ และไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงแขนหรือขา
อาการสำคัญ
- ปวดหลังร้าวลงขา
- ชา แขนขาอ่อนแรง
- ปวดมากเวลาไอหรือจาม
3. กระดูกสันหลังเสื่อมหรือเคลื่อน (Degenerative / Spondylolisthesis)
พบได้บ่อยในผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้งานหลังหนักเป็นเวลานาน ทำให้กระดูกสันหลังเสื่อมสภาพหรือเคลื่อนจากตำแหน่งปกติ
อาการที่พบ
- ปวดหลังเรื้อรัง
- หลังแข็งตึงตอนเช้า
- เดินนานแล้วปวดมากขึ้น
4. ช่องกระดูกสันหลังตีบ (Spinal Stenosis)
เป็นภาวะที่ช่องทางเดินของเส้นประสาทในกระดูกสันหลังแคบลง ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท
อาการ
- ปวดร้าวลงขา
- ชา แขนขาอ่อนแรง
- เดินได้นานลดลง ต้องหยุดพักบ่อย
ความผิดปกติของอวัยวะภายในที่อาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง
ในบางกรณี อาการปวดหลังไม่ได้มีสาเหตุมาจากกระดูกหรือกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังอาจสัมพันธ์กับความผิดปกติของอวัยวะภายใน ได้แก่
- นิ่วในไต หรือกรวยไตอักเสบ ทำให้ปวดหลังด้านข้างร่วมกับปัสสาวะแสบขัด
- มดลูกโต ถุงน้ำรังไข่ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาจทำให้ปวดหลังส่วนล่างเรื้อรัง
- ต่อมลูกหมากโต ทำให้ปวดหลังร่วมกับปัสสาวะผิดปกติ
- โรคตับอ่อนอักเสบ หรือหลอดเลือดใหญ่ในช่องท้องโป่งพอง (AAA) อาจทำให้ปวดร้าวไปยังแผ่นหลังได้ ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน
ระบบประสาทและสาเหตุของอาการปวดจากเส้นประสาท
อาการปวด ชา หรืออ่อนแรงบางกรณีมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบประสาท ได้แก่
- เส้นประสาทสันหลังถูกกดทับ
- ช่องกระดูกสันหลังตีบ
- การอักเสบของเส้นประสาท
ความผิดปกติเหล่านี้ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทหรือศัลยแพทย์กระดูกสันหลัง
แนวทางการคัดกรองและการวินิจฉัย
โรงพยาบาลมีแนวทางในการประเมินอาการปวดหลังและภาวะผิดปกติต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ได้แก่
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ หรือระบบประสาท
- เอกซเรย์ (X-ray) หรือ MRI Spine / MRI Brain & Spine เพื่อดูสภาพหมอนรองกระดูก เส้นประสาท และโครงสร้างกระดูก
- ตรวจไฟฟ้ากล้ามเนื้อและเส้นประสาท ในกรณีที่สงสัยการทำงานของระบบประสาทผิดปกติ
- ตรวจปัสสาวะและเลือด เพื่อประเมินการทำงานของไต
- อัลตราซาวด์ช่องท้อง หรือ CT Abdomen เพื่อหาความผิดปกติของอวัยวะภายใน
แนวทางการรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้
- การรักษาด้วยยา เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ
- กายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และลดการกลับเป็นซ้ำ
- การฉีดยาลดอักเสบเฉพาะจุด ในกรณีที่อาการปวดไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
- การผ่าตัด ในผู้ป่วยที่มีการกดทับเส้นประสาทรุนแรง ภาวะกระดูกสันหลังตีบขั้นรุนแรง หรือภาวะฉุกเฉินจากอวัยวะภายใน
เมื่อใดควรรีบพบแพทย์
ควรเข้ารับการตรวจทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดหลังรุนแรงมากหรือปวดเรื้อรังเกิน 1–2 สัปดาห์
- ปวดร้าวลงขา ชา แขนขาอ่อนแรง
- มีไข้ร่วมกับอาการปวดหลัง
- ปัสสาวะผิดปกติ หรือมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
- เดินลำบาก หรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
















