ถ่ายดำ อาจดูไม่มีภัย แต่อันตรายกว่าที่คิด

วันที่เผยแพร่: 11 มิถุนายน 2568

black-stool-melena

ถ่ายดำ อาจดูไม่มีภัย แต่อันตรายกว่าที่คิด

หลายคนอาจเคยสังเกตว่าอุจาระของตนมีสีดำกว่าปกติ แล้วก็ปล่อยผ่านไปโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องอาหารที่รับประทาน หรือผลจากยาบางตัวที่ใช้อยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว “การถ่ายดำ” อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติร้ายแรงที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบ อาจนำไปสู่ภาวะที่อันตรายถึงชีวิตได้


“อุจาระสีดำ” คืออะไร?

อุจาระสีดำ (Melena) คือ อุจาระที่มีสีดำคล้ำผิดปกติ ลักษณะเหนียวข้นเหมือนยางมะตอย มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ และมักไม่ใช่สีดำแบบทั่วไปที่เกิดจากการรับประทานอาหารสีเข้ม แต่เป็นสีดำที่เกิดจากการมีเลือดออกภายในทางเดินอาหารส่วนต้น เช่น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร หรือส่วนต้นของลำไส้เล็ก

เลือดที่ออกจากแผลหรือความผิดปกติในทางเดินอาหารจะถูกย่อยผ่านระบบย่อยอาหาร เมื่อผสมกับน้ำย่อยแล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีดำก่อนออกมากับอุจาระ จึงเป็นเหตุให้อุจาระเปลี่ยนเป็นลักษณะเหนียวและคล้ำกว่าปกติ

อาการร่วมที่ควรระวัง

หากคุณพบว่าอุจาระมีสีดำคล้ำผิดปกติ และมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการเสียเลือดภายในที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

  • เวียนหัว หน้ามืด: อาจเกิดจากการเสียเลือดมาก ส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำ
  • ซีด เหนื่อยง่าย: ภาวะเลือดออกเรื้อรังทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน
  • อาเจียนเป็นเลือด: แสดงถึงเลือดออกจากกระเพาะหรือหลอดอาหาร
  • ปวดท้องร่วมด้วย: โดยเฉพาะบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครง อาจเกี่ยวข้องกับแผลในกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร

สาเหตุที่พบบ่อยของอุจาระสีดำ

อุจาระสีดำที่เกิดจากเลือด มักเกี่ยวข้องกับภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น:

1. แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic Ulcer)

แผลในกระเพาะอาหารหรือแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenum) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอุจาระดำ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องร่วมด้วย โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารหรือขณะท้องว่าง หากแผลลึกจนเส้นเลือดแตก จะทำให้เลือดไหลออกมาปนกับน้ำย่อยและกลายเป็นอุจาระสีดำ

2. หลอดอาหารฉีก (Mallory-Weiss Tear)

มักเกิดจากการอาเจียนหรือไอแรง ๆ จนเกิดการฉีกขาดของหลอดอาหารส่วนปลาย ส่งผลให้มีเลือดออกออกมาได้ ผู้ป่วยอาจมีทั้งอาเจียนเป็นเลือดและอุจาระสีดำ

3. เส้นเลือดขอดในหลอดอาหารแตก

พบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็ง ซึ่งทำให้เกิดความดันในระบบหลอดเลือดพอร์ทัลสูง (Portal Hypertension) ส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร หากเส้นเลือดเหล่านี้แตก จะทำให้มีเลือดออกภายในอย่างเฉียบพลันและอันตรายถึงชีวิต

4. เนื้องอกหรือมะเร็งในทางเดินอาหารส่วนต้น

เนื้องอกหรือมะเร็งในกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร สามารถทำให้เกิดเลือดออกอย่างช้า ๆ และเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดอุจาระดำ และอาการซีด เหนื่อยง่าย โดยผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งมีอาการชัดเจน


สิ่งที่อาจทำให้ “อุจาระดำแต่ไม่อันตราย”

แม้ว่าอุจาระสีดำจะเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม แต่ก็มีบางกรณีที่การเปลี่ยนแปลงของสีอุจาระไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรง เช่น:

1. ยาเสริมธาตุเหล็ก

ผู้ที่รับประทานยาธาตุเหล็ก เช่น Ferrous Sulfate มักพบว่าอุจาระมีสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของยา

2. ถ่านกัมมันต์ (Activated Charcoal)

ใช้สำหรับรักษาภาวะอาหารเป็นพิษหรือดูดซับสารพิษในลำไส้ ถ่านชนิดนี้ทำให้อุจาระมีสีดำโดยไม่เป็นอันตราย

3. ยาบางชนิด เช่น บิสมัท ซับซาลิไซเลต

พบได้ในยาแก้ท้องเสีย หรือยาบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ซึ่งมีผลข้างเคียงที่ทำให้อุจาระดำ

4. อาหารที่มีสีเข้มมาก

อาหารบางชนิด เช่น เลือดสัตว์ หมึกดำ ช็อกโกแลต หรือผลไม้บางประเภท อาจทำให้อุจาระดูคล้ำขึ้นได้ชั่วคราว

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรไปพบแพทย์?

หากไม่แน่ใจว่าอุจาระดำที่คุณพบเกิดจากอะไร แนะนำให้สังเกตอาการร่วมอื่น ๆ โดยเฉพาะอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนเลือด เช่น ซีด อ่อนเพลีย เวียนหัว หรือปวดท้องอย่างรุนแรง

และหากคุณไม่ได้รับประทานยาหรืออาหารที่กล่าวมาข้างต้น ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะมีโอกาสสูงที่เลือดจะออกภายในร่างกายโดยที่คุณไม่รู้ตัว


การตรวจวินิจฉัยและแนวทางรักษา

เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น:

  • ส่องกล้องทางเดินอาหาร (EGD): เพื่อตรวจหาแผลหรือจุดที่มีเลือดออก
  • ตรวจเลือด: เพื่อดูระดับฮีโมโกลบินว่ามีภาวะซีดหรือไม่
  • เอกซเรย์หรือ CT Scan: ในบางกรณีที่จำเป็น

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นแผลในกระเพาะอาหาร อาจใช้ยาในการรักษา แต่หากมีเลือดออกมาก อาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ให้น้ำเกลือ รับเลือด หรือแม้แต่การผ่าตัด


สรุป: เมื่อถ่ายดำ อย่าชะล่าใจ

“อุจาระสีดำ” แม้ไม่ใช่ทุกกรณีที่จะอันตราย แต่ก็ไม่ใช่อาการที่ควรละเลย หากคุณมีอาการร่วมอื่น ๆ หรือไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว เพราะบางครั้งสัญญาณเล็ก ๆ อย่างสีของอุจาระ...อาจเป็นคำเตือนจากร่างกายที่ช่วยชีวิตคุณไว้ก็ได้


แพทย์ประจำแผนก ทางเดินอาหารและตับ
พญ.ณัฐสุดา เบญจชินชัยกุล
พญ.ณัฐสุดา เบญจชินชัยกุล
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ( Gastroenterology )
นพ.วาทกวี วิมลเฉลา
นพ.วาทกวี วิมลเฉลา
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ( Gastroenterology )
พญ.ปภัสกร นพจรูญศรี
พญ.ปภัสกร นพจรูญศรี
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ( Gastroenterology )
พญ.ชไมพร กองเกตุใหญ่
พญ.ชไมพร กองเกตุใหญ่
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ( Gastroenterology )
นพ.นที ฟักนาค
นพ.นที ฟักนาค
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ( Gastroenterology ) และ การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP)
นพ.พลัฏฐ์ สถิรวิชย์
นพ.พลัฏฐ์ สถิรวิชย์
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร ( Gastroenterology )

บทความทางการแพทย์

Title Line
หน้าปกบทความ ระวัง! แอนแทรกซ์ โรคจากสัตว์สู่คน อันตรายถึงชีวิต
อายุรกรรม
ระวัง! แอนแทรกซ์ โรคจากสัตว์สู่คน อันตรายถึงชีวิต

แอนแทรกซ์ โรคติดเชื้อจากแบคทีเรียรุนแรง จากสัตว์สู่คน อาจติดต่อผ่านผิวหนัง ระบบหายใจ หรือการกินเนื้อดิบ เสี่ยงถึงชีวิตหากไม่รักษาทัน

สาขานครสวรรค์
Knee and hip surgery
กระดูกและข้อ
คืนความสุขให้ทุกก้าว ผ่าตัดข้อเข่าข้อสะโพก

ลดอาการปวดจากข้อเสื่อมด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม เพิ่มคุณภาพชีวิต เคลื่อนไหวสะดวก ฟื้นตัวเร็ว โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง

สาขานครสวรรค์
ผู้หญิงหนาว
ตรวจสุขภาพ
เที่ยวสบายใจ ไร้กังวล เสริมภูมิป้องกันไข้หวัดใหญ่ก่อนออกเดินทาง

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยระหว่างทริปพักผ่อนที่รอคอย

สาขานครสวรรค์
facebook messenger iconline icon
โรงพยาบาลศรีสวรรค์