แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer): อาการ การป้องกัน และการรักษา
แผลในกระเพาะอาหารคืออะไร?
แผลในกระเพาะอาหาร หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า โรคแผลเปปติก (Peptic Ulcer Disease) เป็นแผลที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น เมื่อชั้นเยื่อบุถูกทำลายจากกรดในกระเพาะอาหารหรือเอนไซม์ย่อยอาหาร ทำให้เกิดแผลที่อาจมีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่หลายเซนติเมตร
แผลในกระเพาะอาหารแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:
- แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer) - เกิดในกระเพาะอาหาร
- แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer) - เกิดในลำไส้เล็กส่วนต้น (ดูโอดีนัม)
สาเหตุของแผลในกระเพาะอาหาร
สาเหตุหลักของการเกิดแผลในกระเพาะอาหารมีดังนี้:
1. การติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori
เชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori หรือ H. pylori) เป็นสาเหตุหลักที่พบได้มากถึง 60-70% ของผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหาร เชื้อแบคทีเรียนี้สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดสูงในกระเพาะอาหาร และทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร
2. การใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs
ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs หรือ NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน นาโพรเซน และ ไดโคลฟีแนค สามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยรองจากการติดเชื้อ H. pylori
3. ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
- ความเครียด - ความเครียดสูงอาจกระตุ้นให้กระเพาะอาหารผลิตกรดมากขึ้น
- การสูบบุหรี่ - สารพิษในบุหรี่ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- การดื่มแอลกอฮอล์ - ระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหารโดยตรง
- ประวัติครอบครัว - มีญาติสายตรงเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
- อายุที่มากขึ้น - ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงมากกว่า
- การใช้ยาสเตียรอยด์ - อาจเพิ่มความเสี่ยงโดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ NSAIDs
- การรักษาด้วยรังสี - อาจทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารเสียหาย
อาการของแผลในกระเพาะอาหาร
อาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร ได้แก่:
อาการที่พบบ่อย
- ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ - อาการปวดมักมีลักษณะปวดแสบ ปวดจุก หรือปวดเหมือนถูกบีบ
- ปวดท้องเวลาท้องว่าง - อาการปวดมักจะดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหาร
- ปวดท้องกลางดึก - อาการปวดอาจทำให้ตื่นนอนในช่วงกลางคืน
- ปวดท้องที่เป็นๆ หายๆ - อาการปวดอาจเป็นหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แล้วหายไป
- เรอเปรี้ยว - การมีกรดไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร
- ท้องอืด แน่นท้อง - รู้สึกอึดอัดที่บริเวณช่องท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน - อาจมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด - รับประทานอาหารได้น้อยลง
อาการที่บ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อน
- อาเจียนเป็นเลือด - อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีแดงสด หรือสีดำคล้ายกากกาแฟ
- อุจจาระสีดำ - อุจจาระมีสีดำคล้ายน้ำมันดิน (melena)
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย - อาจเกิดจากภาวะโลหิตจาง
- เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง - อาจเกิดจากแผลทะลุ
- ปวดท้องรุนแรงที่เกิดขึ้นทันที - อาจเกิดจากแผลทะลุผ่านผนังกระเพาะอาหาร
ภาวะแทรกซ้อนของแผลในกระเพาะอาหาร
หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม แผลในกระเพาะอาหารอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้:
- เลือดออกในทางเดินอาหาร - แผลที่ลึกใหญ่จนถึงหลอดเลือดทำให้เกิดเลือดออกในทางเดินอาหาร
- แผลทะลุ - แผลที่ใหญ่มากทะลุผนังกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุช่องท้อง
- การอุดตันทางเดินอาหาร - แผลเรื้อรังที่บวมมากอาจทำให้เกิดการอุดตันทางเดินอาหาร
- มะเร็งกระเพาะอาหาร - ผู้ที่มีการติดเชื้อ H. pylori มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น
การวินิจฉัยแผลในกระเพาะอาหาร
การวินิจฉัยแผลในกระเพาะอาหารอาศัยการตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ:
การตรวจทางคลินิก
- ประวัติและอาการทางคลินิก - การซักประวัติเกี่ยวกับอาการ ระยะเวลา และปัจจัยกระตุ้น
- การตรวจร่างกาย - การกดคลำที่บริเวณใต้ลิ้นปี่ อาจพบอาการกดเจ็บ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน (Gastroscopy) - การตรวจที่แม่นยำที่สุด สามารถมองเห็นแผลได้โดยตรง
- การตรวจหาเชื้อ H. pylori - มีหลายวิธี เช่น
- Rapid urease test - การตรวจจากชิ้นเนื้อที่ตัดจากกระเพาะอาหาร
- Urea breath test - การตรวจโดยการหายใจ
- การตรวจเลือด - หาแอนติบอดีต่อเชื้อ H. pylori
- การตรวจอุจจาระ - หาแอนติเจนของเชื้อ H. pylori
- การตรวจทางรังสีวิทยา - เช่น การตรวจ X-ray ช่องท้อง หรือ CT scan
การรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
การรักษาแผลในกระเพาะอาหารมุ่งเน้นที่การกำจัดสาเหตุและบรรเทาอาการ:
การรักษาที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ H. pylori
- ยาปฏิชีวนะ - เช่น อะม็อกซิซิลลิน คลาริโทรมัยซิน เมโทรนิดาโซล โดยมักใช้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกัน
- ยาลดการหลั่งกรด - เช่น ยากลุ่ม PPI (Proton Pump Inhibitors) เช่น โอเมพราโซล แลนโซพราโซล เอสโซเมพราโซล
- ยาปรับสมดุลแบคทีเรีย - เช่น ยาบิสมัท (Bismuth subsalicylate)
การรักษากรณีที่เกิดจาก NSAIDs
- หยุดหรือลดขนาดยา NSAIDs - หากเป็นไปได้
- ใช้ยาลดการหลั่งกรด - เช่น ยากลุ่ม PPI หรือ ยากลุ่ม H2 blockers เช่น รานิทิดีน ฟามอทิดีน
- ใช้ยาเคลือบกระเพาะ - เช่น ซูคราลเฟต (Sucralfate)
การรักษาทั่วไป
- ยาลดกรด - เช่น อะลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์ แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์
- ยาที่ช่วยเสริมเยื่อบุกระเพาะอาหาร - เช่น มิโซพรอสทอล (Misoprostol)
- การรักษาภาวะแทรกซ้อน - เช่น การผ่าตัดในกรณีที่มีแผลทะลุหรือเลือดออกรุนแรง
การป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร
การป้องกันแผลในกระเพาะอาหารทำได้โดย:
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
- ลดความเครียด - ฝึกสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมผ่อนคลาย
- เลิกสูบบุหรี่ - บุหรี่เพิ่มความเสี่ยงของแผลในกระเพาะอาหารและชะลอการหายของแผล
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ - แอลกอฮอล์ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคือง - เช่น อาหารรสจัด อาหารมัน เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
การใช้ยาอย่างระมัดระวัง
- ใช้ยา NSAIDs อย่างระมัดระวัง - ใช้ในขนาดต่ำสุดที่ได้ผลและเป็นระยะเวลาสั้นที่สุด
- รับประทานยาพร้อมอาหาร - เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- ใช้ยา PPI ร่วมด้วย - หากจำเป็นต้องใช้ยา NSAIDs เป็นประจำ
- พิจารณาใช้ยา COX-2 inhibitors - แทนยากลุ่ม NSAIDs แบบเดิม ในกรณที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด แก้อักเสบข้อและกล้ามเนื้อ
อาหารที่ช่วยลดแผลในกระเพาะอาหาร
อาหารมีบทบาทสำคัญในการจัดการกับแผลในกระเพาะอาหาร:
อาหารที่ควรรับประทาน
- อาหารที่อ่อนนุ่ม - เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก มันฝรั่งบด
- ผักและผลไม้สด - มีวิตามินและเส้นใยที่ช่วยในการหายของแผล
- โปรตีนที่ย่อยง่าย - เช่น ปลา ไก่ ไข่
- อาหารที่มีโพรไบโอติก - เช่น โยเกิร์ต กิมจิ มิโซะ เทมเป้ ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรีย
- อาหารที่มีพรีไบโอติก - เช่น กล้วย หัวหอม กระเทียม ข้าวโอ๊ต ช่วยให้แบคทีเรียดีเจริญเติบโต
- อาหารที่มีฟลาโวนอยด์ - เช่น แอปเปิ้ล สับปะรด ส้ม บรอกโคลี ช่วยลดการอักเสบ
- น้ำผึ้ง - มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยในการหายของแผล
- ขิง - ช่วยลดอาการคลื่นไส้และการอักเสบ
- ชาเขียว - มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ H. pylori
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม - ช่วยเคลือบกระเพาะอาหารและลดกรด
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารรสเผ็ด - เช่น พริก พริกไทย ซอสเผ็ด
- อาหารรสเปรี้ยว - เช่น มะนาว น้ำส้มสายชู
- อาหารที่มีกรดสูง - เช่น มะเขือเทศ น้ำผลไม้รสเปรี้ยว
- อาหารมัน - เช่น อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน